NEWS

โซลูชั่นการตรวจจับระดับน้ำ HIKVISION ได้ประยุกต์ใช้งานกล้อง CCTV และ RADAR ร่วมกับเทคโนโลยี AI ที่จะช่วยป้องกันความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมหรือลดความเสี่ยง และเตือนภัยที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที จะเป็นไปได้หรือไม่? หากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถทราบถึงสถานการณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ หรือการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเตรียมการ และป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น อาทิเช่น น้ำท่วม หรือน้ำล้นตลิ่ง ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน HIKVISION ได้พัฒนาเทคนโลยีกล้อง CCTV ที่มีความสามารถในการตรวจวัดระดับน้ำ และแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม่นยำด้วยเทคโนโลยี Al จะทำหน้าที่วิเคราะห์ภาพวิดีโอที่ได้ เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและช่วยวิเคราะห์สิ่งผิดปกติที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เพื่อลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด และทำงานร่วมกับอุปกรณ์เรดาร์ ในการตรวจวัดระดับความสูงของน้ำ เพื่อให้มีความแม่นย่าและค่าที่ถูกต้องมากขึ้น ก่อนที่จะส่งข้อมูลให้กับผู้ดูแลระบบ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบทันที ตัวกล้องรองรับโหมดการทำงานพลังงานต่ำ มีเพียงเรดาร์เท่านั้นที่ทำงาน เพื่อตรวจวัดระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่

5 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนติดตั้งกล้องวงจรปิด 1. ประเภทของกล้องวงจรปิด :– กล้องโดม:เหมาะสำหรับการติดตั้งในที่ร่ม มีดีไซน์ที่ไม่สะดุดตาและทนทานต่อการกระแทก– กล้องกระบอก : เหมาะสำหรับการติดตั้งภายนอกอาคาร ทนทานต่อสภาพอากาศ– กล้อง PTZ (Pan-Tilt-Zoom): สามารถหมุน ซูม และปรับมุมมองได้ เหมาะสำหรับการครอบคลุมพื้นที่กว้าง– กล้อง IP: ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการส่งข้อมูล ภาพคมชัดและรองรับการดูออนไลน์ 2. ความละเอียดของภาพ:– กล้องวงจรปิดมีหลายความละเอียด ตั้งแต่ SD (Standard Definition) จนถึง 4K ความละเอียดสูงยิ่งทำให้ภาพชัดเจน แต่ก็ใช้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้นด้วย 3. พื้นที่จัดเก็บข้อมูล:– พิจารณาว่าคุณจะใช้การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบใด เช่น ฮาร์ดไดรฟ์ใน DVR หรือ NVR, การจัดเก็บในคลาวด์, หรือการใช้การ์ด SD– ควรคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งจะมีผลต่อขนาดพื้นที่จัดเก็บ 4. การติดตั้งและบำรุงรักษา:– พิจารณาตำแหน่งการติดตั้งกล้องที่ครอบคลุมพื้นที่สำคัญและไม่ถูกบัง– ควรเลือกจุดติดตั้งที่สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานและเครือข่ายได้ง่าย–

การบำรุงรักษาและการดูแลกล้องวงจรปิด 1. การทำความสะอาดเลนส์กล้อง– ฝุ่น, คราบน้ำ, และสิ่งสกปรกสามารถทำให้ภาพจากกล้องไม่ชัดเจน ดังนั้นควรทำความสะอาดเลนส์กล้องด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน 2.การตรวจสอบสายไฟและการเชื่อมต่อ– ควรตรวจสอบสายไฟเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดการขาดหรือหลวม ซึ่งอาจทำให้กล้องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรตรวจสอบการเชื่อมต่อของกล้องกับระบบบันทึกภาพ (NVR/DVR) หรือระบบเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอ 3. การอัปเดตซอฟต์แวร์– ระบบกล้องวงจรปิดมักมีการอัปเดตซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ควรตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตีจากไวรัสและมัลแวร์ 4. การตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์– ตรวจสอบกล้อง, แหล่งจ่ายไฟ, ระบบบันทึกภาพ, และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนทำงานได้อย่างถูกต้อง ควรตรวจสอบว่ากล้องไม่มีการเสียหายหรือสึกกร่อนจากสภาพอากาศ 5. การทดสอบการบันทึกและการเล่นภาพ– ทดสอบระบบการบันทึกและการเล่นภาพเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถบันทึกภาพและเล่นภาพย้อนหลังได้อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบการตั้งค่าเวลาและวันที่ให้ถูกต้อง เพื่อให้การบันทึกภาพมีความถูกต้องตามเวลาที่เกิดเหตุการณ์ 6.การตรวจสอบพื้นที่การมองเห็นของกล้อง– ตรวจสอบมุมมองและพื้นที่ที่กล้องครอบคลุมเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งกีดขวางหรือการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่อาจทำให้กล้องไม่สามารถบันทึกภาพได้ตามต้องการ การบำรุงรักษาและการดูแลกล้องวงจรปิดเป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และให้ประสิทธิภาพในการบันทึกภาพที่ดีที่สุด โดยควรมีแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นระยะ ๆ เช่น ทุกๆ 3 เดือนหรือ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่ติดตั้งกล้อง

กล้องวงจรปิดที่รับสัญญาณ 2.4 GHz และ 5.0 GHz การเลือกใช้กล้องวงจรปิดที่สามารถรับสัญญาณ Wi-Fi ได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5.0 GHz มีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ซึ่งสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้น นี่คือข้อมูลที่เกี่ยวกับกล้องวงจรปิดที่รับสัญญาณทั้งสองประเภทนี้: ข้อดีของกล้องวงจรปิดที่รับสัญญาณ 2.4 GHz 1. การครอบคลุมพื้นที่กว้าง : สัญญาณ 2.4 GHz สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าสัญญาณ 5.0 GHz ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่หรือมีสิ่งกีดขวางมาก 2. เข้ากันได้กับอุปกรณ์หลายชนิด : อุปกรณ์ที่ใช้งานสัญญาณ 2.4 GHz มีความหลากหลายมาก ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย 3. ทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ดี : สัญญาณ 2.4 GHz สามารถผ่านกำแพงและสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าสัญญาณ 5.0 GHz ข้อดีของกล้องวงจรปิดที่รับสัญญาณ

ประหยัดต้นทุนในการจ้างพนักงาน – หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารสามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องหยุดพักหรือลาป่วย ช่วยลดต้นทุนค่าจ้างพนักงานในระยะยาว – หุ่นยนต์ทำงานได้หลายชั่วโมง  ได้ถึง 7 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้ร้านอาหารสามารถเปิดให้บริการได้ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มพนักงาน – หุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมหรือสอนงานเหมือนพนักงานมนุษย์ ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ทำให้ภาพลักษณ์ของร้านดูทันสมัยมากขึ้น – การใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร แสดงถึงความทันสมัยและความใส่ใจต่อเทคโนโลยีของร้านอาหาร – ดึงดูดความสนใจจากลูกค้า กลุ่มที่ชื่นชอบความแปลกใหม่และทันสมัย – สร้างภาพลักษณ์ของร้านอาหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพ ทำงานได้ทุกวัน ลดปัญหาการลาของพนักงาน – หุ่นยนต์ไม่ป่วย ไม่ต้องลาพักร้อน หรือลาป่วยฉุกเฉิน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีพนักงานเสิร์ฟอาหารพร้อมให้บริการลูกค้าเสมอ – เหมาะกับธุรกิจร้านอาหารที่มีลูกค้าจำนวนมาก หรือเปิดให้บริการในช่วงเวลาพิเศษ เช่น วันหยุดนักขัตฤกษ์ – ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนพนักงานงานเสิร์ฟอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในธุรกิจร้านอาหาร ทำรอบเสิร์ฟได้เร็ว ไม่จำเป็นต้องพัก เพิ่มการหมุนเวียนลูกค้าได้มากขึ้น – หุ่นยนต์สามารถเสิร์ฟอาหารได้รวดเร็ว ทันเวลา โดยไม่ต้องรอพนักงาน – ช่วยลดระยะเวลารอคอยของลูกค้า ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับการบริการ